Thursday, January 16, 2014

ข่าวพัทยา แท็กซี่พัทยา เถื่อนคล้ายมาเฟีย ทะเลาะยกพวกมาเตรียมถล่มกัน

แท็กซี่พัทยา เถื่อนคล้ายมาเฟีย ทะเลาะยกพวกมาเตรียมถล่มกัน
แท็กซี่พัทยา พฤติกรรมเถื่อนคล้ายมาเฟีย ทะเลาะกันเองยกพวกมาเตรียมถล่มกัน โชคดีตำรวจระงับเหตุทัน  พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน-กระสุนไว้ได้
      เวลา 00.30 น .วันที่ 16 ม.ค. 56  ร.ต.อ.วิษณุ ไชยสุวรรณ รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา  ได้รับแจ้งว่า กลุ่มแท็กซี่โลมาพัทยา ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้อาวุธปืนยิงกันอยู่ที่บริเวณหน้าโรงแรมหรูชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเขาพระตำหนัก ย่านพัทยาใต้ หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังตำรวจและอาสาสมัคร อปพร.เมืองพัทยา จำนวนหนึ่งไปตรวจสอบ
      เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มชายไทยมีอาชีพขับรถสหกรณ์แท็กซี่โลมาพัทยาจำกัด ซึ่งมาจอดรถแท็กซี่ ตั้งจุดบริการรอรับลูกค้าอยู่ที่บริเวณริมถนนด้านหน้าโรงแรม จำนวนหลายคัน  ยืนจับกลุ่มทะเลาะวิวาทกันอยู่กลางถนน และได้มีการโทรตามพรรคพวกของแต่ละฝ่ายมายังที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าทำการระงับเหตุ และได้รับแจ้งว่า  มีการใช้อาวุธปืนยิงกัน ก่อนที่ตำรวจจะมาระงับเหตุอีกด้วย   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการสอบสวน ก็ทราบว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่าง นายกีรติ สุดสวาท หรือตั้ม อายุ 24 ปี กับ นายวีระศักดิ์ เกิดผล หรือกรุง อายุ 36 ปี โดยทั้งสองฝ่ายแจ้งว่าจะตกลงเคลียร์ปัญหากันเอง พร้อมกับอ้างว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนยิงแต่อย่างใด และในระหว่างที่ตำรวจกำลังทำการสอบปากคำ คู่กรณีที่ชกต่อยกันอยู่นั้น ฝ่ายพรรคพวกของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ยกพวกซึ่งมีทั้งนายทหารยศผู้การ คนหนึ่งพร้อมกับลูกน้องแต่งกายในเครื่องแบบทหาร สห. มายังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเคลียร์ปัญหา ส่วนอีกฝ่ายนั้นก็ยกพวกมาเผชิญหน้ากันจนมีการโต้เถียงกันชุนละมุน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเนื่องจากตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
       จากนั้นตำรวจได้ขอตรวจค้นรถแท็กซี่ ที่จอดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมายและอาวุธปืน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในรถ แต่เมื่อตรวจสอบ บริเวณกระท่อมที่อยู่ใกล้เคียง ก็พบว่ามีการนำอาวุธปืนพกสั้น แบบออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอกพร้อมแม็กกาซีนจำนวน 2 แม็ก บรรจุกระสุนปืนเต็มแม็กกาซีน นับรวมได้จำนวน 26 นัด ตำรวจจึงยึดเป็นหลักฐาน แต่ก็ยังไม่มีใครแสดงตัวยอมรับเป็นเจ้าของอาวุธปืน
       จากนั้นจึงควบคุมตัวนายกีรติ และ นายวีระศักดิ์  คู่กรณีที่ก่อเหตุ ไปทำการสอบปากคำและตรวจสอบประวัติที่โรงพัก  พร้อมกันนี้ยังได้ควบคุมตัวชายคนหนึ่งมาโรงพักด้วย เนื่องจากทราบว่าเป็นผู้นำอาวุธปืนดังกล่าวมา โดยนำไปซ่อนไว้ที่กระท่อม และเมื่อทำการสอบสวนชายดังกล่าว ก็ให้การกึ่งรับกึ่งปฎิเสธอ้างว่านำอาวุธปืนดังกล่าวมาจริง แต่ปืนไม่ได้อยู่ที่ตน ยอมรับแค่เพียงว่าเจ้าของอาวุธปืน เป็นน้องเขยซึ่งเป็นตำรวจให้นำมาพกไว้ป้องกันตัว  และแจ้งว่าส่วนตัวแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคู่กรณีที่ชกต่อยกัน  แต่เพราะทำงานขับรถแท็กซี่ด้วยกัน จึงเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหา  ทำให้ต้องมาถูกจับกุมไปด้วย  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทราบอีกว่ากลุ่มแท็กซี่นี้ มีเรื่องทะเลาะกันเองบ่อยครั้ง เพราะมีการขับรถแย่งลูกค้ากันเอง จนทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ จากประชาชน ผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึงนักท่องเที่ยวว่ากลุ่มแท็กซี่กลุ่มนี้ทำตัวเป็นมาเฟีย
       ซึ่งในเบื้องต้นนั้นตำรวจได้ทำการยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่พบ พร้อมกับลงบันทึกประจำวัน แจ้งข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต"  ส่วนชายที่ต้องสงสัยเป็นผู้นำอาวุธปืนมานั้นตำรวจได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

No comments:

Post a Comment